03 ธันวาคม 2559

มาลืม “ความแค้นเคือง” กันเถอะ (Forgive and Forget)

มาลืม ความแค้นเคือง” กันเถอะ  (Forgive  and  Forget)

การนอน  ช่วยผ่อนคลายสภาพร่างกายที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง  อย่างไรก็ตาม  มีบ่อยครั้งที่นัยน์ตาของข้าพเจ้าหลับได้  แต่ใจยังคงตื่นอยู่..  อย่างเช่นในตอนนี้  มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวกำลังรบกวนจิตใจ  ไม่ให้สงบ

เหตุการณ์ที่ว่านี้  เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา  ขณะที่กำลังผ่าตัดคลอดบุตรให้กับสตรีนางหนึ่งอยู่  จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ภายในห้องผ่าตัด  ก็ดังขึ้น  พยาบาลห้องผ่าตัดรับสาย  และถ่ายทอดคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า  “ มีคนไข้ท้องที่  3  คนหนึ่ง  เจ็บครรภ์มาที่ห้องคลอด  อายุครรภ์ประมาณ 36  สัปดาห์  ท้องที่แล้วผ่าตัดคลอดเนื่องจากเด็กตัวใหญ่  น้ำหนักถึง  4.2  กิโลกรัม  ท้องนี้เจ็บครรภ์ตั้งแต่เที่ยงคืน  ตรวจภายในพบว่า  ปากมดลูกเปิด  9  เซนติเมตร  แต่.. ฟังเสียงหัวใจทารกไม่ได้ยิน  แม้จะใช้เครื่องขยายเสียง  Doptone  แล้วก็ตาม  หมอจะให้ทำยังไงดี 

 ตอนนี้ผมออกจากห้องผ่าตัดไปดูคนไข้ไม่ได้  เพราะกำลังผ่าตัดอยู่  ขอให้พยาบาลห้องคลอดรีบส่งคนไข้มาห้องผ่าตัดด่วนเลย  เดี๋ยวผมจะผ่าตัดทำคลอดให้   ข้าพเจ้าตะโกนบอก  แล้วรีบเย็บปิดผนังหน้าท้องของคนไข้รายที่กำลังนอนอยู่  โชคดีที่เหลือการผ่าตัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การจัดเตรียมคนไข้รายใหม่เพื่อผ่าตัดเป็นไปอย่างรวดเร็ว  ข้าพเจ้าลงมีดที่หน้าท้องคนไข้ทันทีที่ดมยาสลบและผ่าตัดเปิดเข้าสู่ภายในช่องท้องและมดลูกในเวลาเพียงแค่  5  นาที  แต่…..  สายเกินไปเสียแล้ว  ทารกที่คลอดออกมา  อยู่ในสภาพไม่ไหวติง  น้ำคร่ำมีสีเขียวค่อนข้างข้นเพราะเด็กถ่ายขี้เทาออกมาจำนวนมาก

ข้าพเจ้ารีบดูดน้ำคร่ำออกจากปากและจมูกเด็ก  แล้วรีบส่งให้กุมารแพทย์ที่รออยู่  พวกเราทุกคนช่วยเหลือกันอยู่อย่างรีบเร่ง  วิสัญญีแพทย์และพยาบาลต่างมาช่วยเท่าที่จะทำได้  กรรมวิธีช่วยเหลือชีวิตทารกแรกเกิดที่ไม่หายใจ คือ  การปั๊มหัวใจ  การใส่ท่อช่วยหายใจ  การฉีดยากระตุ้นการเต้นของหัวใจ  รวมทั้งการเปิดเส้นเลือดดำบริเวณสายสะดือเพื่อให้น้ำเกลือ

หลังจากส่งเด็กให้กุมารแพทย์ไป  ใจข้าพเจ้าก็มุ่งสมาธิอยู่กับคนไข้ผู้เป็นมารดาเท่านั้น  การผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อย จนเสร็จสิ้น

ขณะที่กำลังเย็บปิดหน้าท้องของคนไข้  กุมารแพทย์ได้มากระซิบที่ข้างหูเบา ๆ ว่า  เราไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตทารกไว้ได้  เนื่องจากทารกตายไปนานแล้ว  เลือดภายในสายสะดือจับตัวแข็งตลอดแนวของเส้นเลือด  จนไม่สามารถสอดใส่สายน้ำเกลือเข้าไปในเส้นเลือดดำได้เลย

                ข้าพเจ้ารับทราบและถอนหายในโดยไม่รู้ตัว  พลางพูดว่า “ เราได้พยายามกันอย่างสุดความสามารถแล้ว   

หลังผ่าตัด  คนไข้ถูกส่งไปยังห้องพักฟื้นเพื่อสังเกตอาการหรือภาวะแทรกซ้อน  เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง  ข้าพเจ้าได้รับการเรียกตัวจากห้องคลอดให้กลับมาดูคนไข้ด่วน  เนื่องจากคนไข้มีเลือดออกจากช่องคลอดตลอดเวลา

ตอนแรกข้าพเจ้าทำการตรวจภายในบนเตียงรถเข็น  แต่คนไข้แสดงอาการเจ็บปวดท้องน้อยอย่างมาก  จึงต้องย้ายไปตรวจยังห้องผ่าตัด  เพื่อให้ยาแก้ปวดและดมยาสลบทางสายน้ำเกลือ  ผลการตรวจปรากฏว่า  การตกเลือดหลังคลอดครั้งนี้ เกิดจาก ภาวะกล้ามเนื้อมดลูกเฉื่อย  (UTERINE  INERTIA)  หรือมดลูกไม่หดรัดตัว

การรักษาคือ  การให้ยากลุ่มพรอสตาแกลนดิน  (Nalador)  เพื่อให้มดลูกหดรัดตัวตลอดเวลา  พร้อมกับยาฆ่าเชื้อโรคร่วมด้วย  หากการรักษาทางยาไม่ได้ผล  ข้าพเจ้าคงจำเป็นต้องตัดมดลูกของคนไข้ทิ้ง  ซึ่งถือเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาภาวะตกเลือดหลังคลอดชนิดเฉียบพลัน  (Immediate  Postpartum  Hemorrhage)  

ยังโชคดีที่มดลูกของคนไข้กลับมาหดรัดตัวดีอีกครั้ง  คนไข้จึงรอดพ้นจากการตัดมดลูก  คนไข้ได้รับการส่งตัวไปยังหอผู้ป่วยชั้น  6  ในตอนบ่ายใกล้ค่ำ  คืนนั้น  ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ให้ตกใจ  แต่พอรุ่งเช้า  ข้าพเจ้าก็ต้องตกใจเมื่อพยาบาลประจำหอผู้ป่วยชั้น  6  โทรศัพท์มาหาข้าพเจ้าอย่างรีบร้อน

หมอ  หมอ  สามีคนไข้ที่ลูกเสียชีวิตเมื่อวาน  อยากจะคุยด้วย  พยาบาลคนนั้นบอกถึงวัตถุประสงค์  และพูดต่อว่า  ดูท่าทาง  รู้สึกว่า สามีของคนไข้ไม่ค่อยพอใจ  หมอช่วยขึ้นมาคุยกับสามีคนไข้เดี๋ยวนี้เลยได้ไหม?”

ได้  ได้  ข้าพเจ้าตอบและรีบรุดขึ้นไปพบกับสามีคนไข้ทันที  ไม่ต้องคาดเดาก็รู้แล้วว่า  สามีคนไข้กำลังอารมณ์เสีย  ทันทีที่พบหน้าข้าพเจ้า เขาแสดงท่าทางไม่พอใจอย่างมาก และถามว่า  ทำไมลูกผมถึงเสียชีวิต ?”

ผมอยากจะเล่าให้ฟังว่า  เมื่อภรรยาคุณมาถึง  ผมกำลังผ่าตัดอยู่  พยาบาลห้องคลอดได้ฟังเสียงหัวใจลูกของคุณ  แต่ฟังไม่ได้ยิน  แม้จะใช้เครื่องขยายเสียง(Doptone)การเต้นของหัวใจทารกมาฟัง  ตอนนั้น ผมไม่สามารถผละออกจากคนไข้ที่กำลังผ่าตัดได้  จึงตัดสินใจให้พยาบาลส่งภรรยาของคุณเข้ามาผ่าตัดด่วน  พอภรรยาคุณมาถึง  เราได้ให้ภรรยาคุณเข้าห้องผ่าตัด และผมก็ผ่าตัดช่วยคลอดทันที  กุมารแพทย์  วิสัญญีแพทย์พร้อมอยู่ก่อนหน้า  พอเด็กคลอด  ทุกคนได้ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่  แต่เส้นเลือดในสายสะดือแข็งไปหมดแล้ว  แสดงว่าเด็กได้ตายมาก่อนหน้านี้นานพอสมควร ไม่ใช่เพิ่งมาตาย ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นพยานได้  พวกเราช่วยเต็มที่แล้ว  ข้าพเจ้าพยายามพูดด้วยความใจเย็น  และแสดงความเสียใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  พร้อมกับกล่าวว่า  พวกเราทุกคน  ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นหรอก  ผมเสียใจด้วยจริงๆ

สามีของคนไข้ได้ซักถามเหตุการณ์อย่างละเอียด โดยเฉพาะในส่วนที่นำภรรยาของเขาเข้าห้องผ่าตัดถึง ครั้ง ข้าพเจ้าได้ตอบข้อข้องใจอย่างตรงไปตรงมาว่า “ ที่เราจำเป็นต้องนำคนไข้เข้าห้องผ่าตัดเป็นครั้งที่ ก็เพราะคนไข้ตกเลือดหลังคลอด การตรวจในห้องผ่าตัดก็เพื่อให้ยาแก้ปวดและยาดมสลบ คนไข้จะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดเวลาตรวจ ซึ่งทำให้เราวินิจฉัยได้ถูกต้องและสามารถช่วยหลีกเลี่ยงการตัดมดลูกของคนไข้ ด้วยการให้ยากระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวตลอดเวลา 

สามีของคนไข้เล่าว่า  ท้องนี้เป็นท้องที่  3  ท้องแรกคลอดที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด  ลูกที่คลอดออกมามีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วันก็เสียชีวิต  ไม่มีใครตอบคำถามว่า  ลูกผมเสียชีวิตเพราะอะไร  ผมยังแค้นใจอยู่จนทุกวันนี้  ท้องที่ 2  ภรรยาผมไม่สามารถคลอดโดยธรรมชาติได้เนื่องจากเด็กตัวใหญ่  จึงได้รับการผ่าตัดคลอด  และลูกปลอดภัย  นี่เป็นท้องที่  3…..  ทำไมครอบครัวผมจึงต้องโชคร้ายลูกต้องมาตายซ้ำอีกเช่นนี้ด้วย

ข้าพเจ้าพลิกดูประวัติการฝากครรภ์ของคนไข้ จึงทราบว่า คนไข้เริ่มมาฝากครรภ์เมื่อตั้งครรภ์ถึง  28 สัปดาห์  ซึ่งถือว่า ค่อนข้างช้าไปหน่อย เธอได้รับการตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์  พบว่า  อายุครรภ์ขณะนั้นน่าจะเข้าได้กับ  33  สัปดาห์  ต่างจากเดิมถึง  5  สัปดาห์  วันที่เจ็บครรภ์มาคลอด คนไข้ตั้งครรภ์ได้ 31 สัปดาห์ แต่จริงๆน่าจะเป็น 36 สัปดาห์ อายุครรภ์เป็นส่วนที่สำคัญมากในการตัดสินใจรักษา ไม่ควรมีการสับสนกับการแปลผล ดังนั้น สตรีตั้งครรภ์ทุกคน จึงควรมาฝากครรภ์แต่เนิ่นๆเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว  นอกจากนั้น คนไข้ยังมีปัญหาเรื่องโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย และความดันโลหิตสูงมาก่อนด้วย  บางที… โรคต่าง ๆ ที่กล่าวมา อาจอยู่เบื้องหลังการตายของทารกในครั้งนี้ ก็เป็นได้

การฝากท้องถือเป็นหัวใจสำคัญของการตั้งครรภ์  สตรีคนใดที่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์  ควรรีบมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลทันที  ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ระหว่างตั้งครรภ์นั้นมีไม่ใช่น้อย  บางที..มันอาจนำไปสู่การสูญเสียบุตรสุดที่รักดั่งเช่นคนไข้รายนี้

ข้าพเจ้าได้พูดปลอบใจสามีของคนไข้อย่างมาก และสัญญาว่า หากภรรยาของเขาตั้งครรภ์ขึ้นมาอีก  ข้าพเจ้าจะดูแลเป็นกรณีพิเศษจนกระทั่งคลอดอย่างปลอดภัย

คนเรามักจะมีเรื่องเคืองแค้นกันอยู่เรื่อย ๆ ตลอดเวลา  ถ้าเก็บเอามาครุ่นคิดโดยไม่แยกแยะให้ดี  เราอาจหาความสุขไม่ได้เลยในชีวิต หลังจากเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้แล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกปลงสังเวชกับชีวิตมนุษย์อย่างมาก เพราะมีผู้คนจำนวนมากมายที่คิดเคืองแค้นจนต้องเข่นฆ่ากันด้วยเรื่องเพียงเล็ก น้อย 

 ชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน “ เกิดยาก  ตายง่าย   อย่ามัวแต่คิดแค้นเคืองกันด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเลย  เราจะสูญเสียเวลาไปโดยไร้ประโยชน์  ลืมความแค้นเคืองซะบ้าง  ชีวิตคงจะบางเบา  ยืนยาวขึ้น  และนอนหลับได้ด้วยใจสงบ

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เดินทางไปต่างประเทศ

เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพรัก วันที่ 7 มีนาคม 2553 ข้าพเจ้าจะออกเดินทางไประเทศอินเดีย โดยมีกำหนดในเบื้องต้น 4 วัน คือจะกลับในวันที่ 10 ม...