03 ธันวาคม 2559

หัวใจสำคัญของการผ่าตัด

หัวใจสำคัญของการผ่าตัด

ข้าพเจ้าเพิ่งเสร็จสิ้นจากการสอนแพทย์ฝึกหัดผ่าตัดคลอดบุตรในสตรีรายหนึ่ง ซึ่งเดิมคิดว่า  ไม่น่ามีปัญหา  แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นมาจนได้ โชคดี ที่ย้อนกลับไปตรวจดูแผลผ่าตัดข้างใน ระหว่างที่กำลังเย็บปิดช่องท้องอีกครั้ง จึงยับยั้งเลือดที่กำลังพุ่งออกมาจากบริเวณที่ทำหมันได้ทัน มิฉะนั้น ต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมา อย่างแน่นอน

วันนี้ ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ผ่าตัดคลอดบุตรคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งตั้งครรภ์ครบกำหนดและมีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด คือ ท้องที่แล้วเคยผ่าตัดคลอดบุตร (Previous   Cesarean Section)

                การผ่าตัดดำเนินไปอย่างราบรื่น ขณะที่กำลังเปิดแผลบริเวณส่วนล่างของมดลูก

ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องราวสอนแพทย์ฝึกหัดไปด้วย ดังนี้

"คนไข้ที่เคยผ่าตัดคลอดบุตรมาแล้ว (Previous Cesarean Section) นั้น อย่าคิดว่า ผ่าตัดง่ายนะ   หลายวันก่อน  ที่โรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่ง  ศัลยแพทย์ได้ทำการผ่าตัดคลอดบุตร  ให้กับคนไข้สตรีรายหนึ่งตามข้อบ่งชี้ข้างต้น ตอน 9.00 นาฬิกา   พอตกเย็นคนไข้ช็อคตายโดยทีมแพทย์ช่วยเหลือคนไข้ไว้ไม่ทัน ต่อมา ได้ทำการชัณสูตรศพ ซึ่งตรวจพบกองเลือดภายในช่องท้องประมาณ 2 ลิตร เธอคิดว่า เลือดเหล่านี้ออกมาจากส่วนไหนของร่างกาย ทำไมพยาบาลหรือหมอผู้ดูแล   จึงวินิจฉัยได้ช้า จนเป็นสาเหตุให้คนไข้ตาย"

          ข้าพเจ้าไม่ได้รอคำตอบ   มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในโพรงมดลูก       ช้อนบริเวณศีรษะ

ทารกให้ชันขึ้นมา แล้วใช้คีมคีบศีรษะดึงออกมา  พอศีรษะโผล่พ้นขอบแผลของมดลูก ก็ใช้[1]ลูกยางแดงดูดน้ำคร่ำในปากและจมูกจนเกลี้ยงพอสมควร จากนั้น จึงดึงคลอดไหล่และลำตัวเด็กออกมา ทารก

ที่คลอดเป็นเพศชาย หนัก 2680 กรัม    ร้องเสียงดังและหายใจได้ดี       ข้าพเจ้าลองให้แพทย์ฝึกหัด

ล้วงคลอดรก   ซึ่งแพทย์ฝึกหัดยังทำได้ไม่ดีนัก ข้าพเจ้าจึงต้องล้วงรกและสำรวจภายในโพรงมดลูกเอง  ขณะเดียวกัน ปากก็พร่ำสอนต่อไป

"ตำแหน่งที่มีปัญหามากที่สุดของมดลูกในการผ่าตัดคลอด  คือ มุมแผลมดลูกทั้งสองมุม   เวลาเย็บปิดแผลมดลูก  เราต้องแยกเย็บมุมแผลทั้ง 2 มุม  ให้เรียบร้อยเสียก่อน   โดยใช้เทคนิคเงื่อนผูกรัดเส้นเลือดลักษณะเลข 8 (FIGURE OF EIGHT SUTURE TECHNIC)    อาจจะเย็บข้างละ 2 ครั้งก็ได้   แต่ส่วนใหญ่มักจะเย็บเพียงครั้งเดียวข้าพเจ้าสอนพร้อมกับให้ทัศนคติของการตายในคนไข้รายดังกล่าวว่า "กรณีที่มีเลือดออกในคนไข้ที่ตาย   คาดว่า น่าจะเกิดจากเลือด

ออกบริเวณมุมแผลบริเวณส่วนล่างของมดลูก   ตอนที่ศึกษาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่โรงพยาบาล

ศิริราช  เคยมีกรณีทำนองนี้ แต่เกิดขึ้นหลังจากคนไข้กลับบ้านไปแล้ว 2 อาทิตย์ โดยมีเลือดออกมา   จำนวนมากจากโพรงมดลูกเข้าไปในช่องคลอด  หมอแผนกเอกซเรย์ ตรวจสอบด้วยเทคนิคพิเศษ จนสามารถมองเห็นจุดเลือดออกบริเวณมุมแผลของมดลูกส่วนล่าง

          จากนั้น ได้ใช้สารชนิดหนึ่งฉีดไปตามสายหลอดพลาสติคเล็ก ๆ  ที่สอดเข้าเส้นเลือด

จนถึงใกล้บริเวณจุดเลือดออก    สารชนิดนั้นจะไปทำหน้าที่เป็นกาวอุดรูเส้นเลือด      ทำให้เลือดหยุด

คนไข้จึงปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด

แต่คนไข้รายที่เสียชีวิต      เกิดมีเลือดออกหลังผ่าตัดทันทีและเลือดค่อย ๆ    ออก ขณะนั้น  คนไข้ยังอยู่ในสภาพสะลึมสะลือและปวดแผลผ่าตัด   ทำให้หมอและพยาบาลผู้ดูแลวินิจฉัยได้ช้า  พอวินิจฉัยได้ คนไข้อยู่ในสภาพแย่แล้ว  จึงช่วยเหลือไม่ทัน   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง     ซึ่งการดูแลไม่เข้มงวดเหมือนโรงพยาบาลใหญ่      นอกจากนั้น     การที่ศัลยแพทย์[1]มาทำการผ่าตัดคลอดบุตร บางที อาจมองข้ามปัญหาทางสูติกรรมบางอย่างไป     อย่างไรก็ตาม เราต้องถือเป็นบทเรียนเตือนใจให้ระมัดระวังอย่าประมาทในการผ่าตัดทุกครั้ง   อย่าได้ไปตำหนิ

แพทย์ผู้นั้นเลย เพราะอาจมีปัญหาอื่น ๆ อีกที่เราไม่ทราบ"

          ข้าพเจ้าเย็บแผลบริเวณมดลูกส่วนล่าง 2 ชั้น   จากการดูลักษณะของแผลที่เย็บแล้ว

คิดว่าไม่น่ามีปัญหา  แต่ข้าพเจ้ายังย้ำกับแพทย์ฝึกหัดว่า  "คนไข้ที่เคยผ่าตัดคลอดบุตรมาก่อน บริเวณมดลูกส่วนล่างมักจะบางและไม่มีเลือดออกมากเวลาผ่าตัด   แต่เพราะดูเหมือนง่ายและไม่มีเลือดออกมาก   ทำให้หมอบางคนประมาท รีบเย็บปิดช่องท้องโดยไม่ตรวจเช็คให้ดีเสียก่อน     สุดท้าย ต้องมาผ่าตัดเปิดหน้าท้องและตัดมดลูกทิ้งอีกที เพราะฉะนั้น เสียเวลาตรวจเช็คบาดแผลที่เย็บเสียหน่อย  โดยเฉพาะตรงบริเวณมุมแผล เราก็จะกลับบ้านนอนหลับสบาย  ไม่ต้องมาคอยกังวล"

          หลังจากนั้น ข้าพเจ้าได้ทำหมันให้กับคนไข้   โดยการผูกและตัดท่อนำไข่บริเวณส่วน

กลาง  (AMPULAR PART)     ในระหว่างที่ทำหมัน       ข้าพเจ้ายังได้สอนแพทย์ฝึกหัดต่อไปอีกว่า

"การทำหมันบริเวณท่อนำไข่นั้น  อย่าได้ประมาทเชียว  ระดับอาจารย์แพทย์มหาวิทยาลัยฯ   ยังเคย

ผิดพลาดมาแล้ว โดยปมเชือกที่ผูกท่อนำไข่เกิดหลุดขณะที่คนไข้อยู่ในห้องพักฟื้น    ทำให้ความดัน

ลหิตของคนไข้ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว จนเข้าสู่ภาวะช็อค   อาจารย์แพทย์ท่านนั้นต้องรีบนำคนไข้

เข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง เพื่อเข้าไปผูกรัดเส้นเลือดของท่อนำไข่ซึ่งปมเชือกเลื่อนหลุด     นี่จึงเป็น

สาเหตุให้เราต้องผูกรัดท่อนำไข่ 2 ชั้น เพื่อกันผิดพลาด"

                                - 3 -



          ข้าพเจ้าผูกรัดท่อนำไข่บริเวณที่ทำหมัน 2 ชั้น    และตัดบางส่วนของท่อนำไข่ทิ้งไป

จากนั้น  จึงเช็ดเลือดที่ตกค้างในช่องท้อง  ก่อนจะเย็บปิดผนังช่องท้อง ข้าพเจ้ายังคงพูดย้ำเตือน

พร้อมกับพลิกไปดูตำแหน่งที่ทำหมันอีกที

          "เราควรตรวจเช็คตำแหน่งที่ทำหมันจนแน่ใจว่า ไม่มีเลือดออก  จึงเย็บปิดช่องท้อง

ได้  ปมเชือกที่ทำหมันข้างซ้ายดูแล้วไม่มีเลือดออกข้าพเจ้าสอนไปเรื่อย ๆ    แต่พอพลิกมดลูก

เพื่อดูท่อนำไข่ด้านขวา ปรากฏว่า มีเลือดออกมาจากบริเวณที่ผูกปมทำหมัน  ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจใน

สิ่งที่คาดไม่ถึง จึงพูดว่า

          "พูดยังไม่ทันขาดคำเลยว่า ระดับอาจารย์แพทย์ยังเคยผิดพลาด    นี่ถ้าเราไม่ย้อน

กลับมาตรวจดูอีกครั้งก่อนเย็บปิดช่องท้อง    มีหวัง ต้องเจอปัญหาเช่นเดียวกับอาจารย์แพทย์ท่าน

นั้นอย่างแน่นอน"   ข้าพเจ้าได้เย็บผูกท่อนำไข่บริเวณนั้นอีก 2 ชั้น และตรวจเช็คดูอย่างละเอียด   

เมื่อแน่ใจแล้วว่า ไม่มีจุดเลือดออกทุกบริเวณของมดลูก จึงเย็บปิดหน้าท้อง"

          การผ่าตัดร่างกายคนไข้ ไม่ว่าส่วนใดก็ตาม  แพทย์ต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง

อย่างมาก แม้จะมีความชำนาญ แต่หากประมาท ก็อาจผิดพลาดเกิดเป็นโศกนาฏกรรมได้

          ข้าพเจ้าผ่านชีวิตการเป็นแพทย์มากว่า 15 ปี ผ่าตัดคนไข้มามากมาย  ยังคงได้รับรู้

และเรียนรู้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดเพิ่มขึ้นทุกวัน เดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าทำการผ่าตัดช้าลง

กว่าสมัยก่อนมาก เพราะยอมเสียเวลาตรวจเช็คบริเวณที่ผ่าตัดซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นเวลานาน

          ข้าพเจ้าอยากสรุปว่า [1]หัวใจของการผ่าตัด[1]  ที่นอกเหนือจาก [1]ความรู้ ความสามารถ [1]

แล้ว ก็คือ [1] "ความไม่ประมาท"[1] นั่นเอง หมอผ่าตัดกลัว [1]"จุดเลือดออก"[1] มากที่สุด หากยังหยุดยั้ง

ตำแหน่งที่เลือดออกได้ไม่ดี คงไม่มีใครกล้าเย็บปิดผนังหน้าท้อง      แต่การที่หมอบางคนเย็บปิด

หน้าท้องขณะที่ยังมีเลือดออกอยู่ คงเป็นเพราะไม่ยอมเสียเวลาเพียงเล็กน้อย ในการสำรวจตรวจ

ดูแผลผ่าตัดที่เย็บไว้  หมอผ่าตัดที่ได้ชื่อว่า [1]"หมอเทวดา"[1]!...แน่นอน...เป็นผลมาจากการผ่าตัด

ที่สำเร็จเรียบร้อยดีและคนไข้รอดชีวิต  คงไม่มีใครอยากได้รับการผ่าตัดจาก ศัลยแพทย์มือดี แต่มี

ประวัติว่า คนไข้ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากความประมาทเลินเล่อของหมอ




                         @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เดินทางไปต่างประเทศ

เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพรัก วันที่ 7 มีนาคม 2553 ข้าพเจ้าจะออกเดินทางไประเทศอินเดีย โดยมีกำหนดในเบื้องต้น 4 วัน คือจะกลับในวันที่ 10 ม...